ผลงาน : เป็นผู้คนพบว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล โลกและดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์
นักดาราศาสตร์ผู้ศึกษาดาราศาสตร์ด้วยตาเปล่า เพราะกล้องโทรทรรศน์มีขึ้นภายหลังการค้นพบของเขาหลายปี กลางวันเขาจะเฝ้าดูดวงอาทิตย์ ส่วนกลางคืนเขาเฝ้าดูดาวผ่านเส้นเมอริเดียนที่เขาทำขึ้น เขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่อาจหาญล้มล้างทฤษฎีของอริสโตเติล ซึ่งเป็นที่เชื่อกันกันมานับเป็นพัน ๆ ปี ว่าเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล
นิโคลาส โคเปอร์นิคัส เกิดที่เมืองตูรอน ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1473 เขากำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จึงอยู่ในความดูลาของลุง ซึ่งเป็นบิชอปแห่งเออร์มแลนด์ เขาได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ได้ปริญญาทั้งทางการแพทย์และศาสนา แต่ก็มีความสนใจในดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก
คนในสมัยนั้น มีความเชื่อถือตามคำกล่าวของอริสโตเติลและปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีกทางดาราศาสตร์ที่ว่า “โลกอยู่กับที่ และเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีดวงอาทิตย์และดวงดาวทุก ๆ ดวงโคจรอยู่เป็นวงกลม” ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้เชื่อถือกันมานับเป็นพัน ๆ ปี แต่สำหรับโคเปอร์นิคัสไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ไม่กล้าแสดงอะไรออกมา เพราะความคิดหรือความเชื่อใด ๆ ที่ขัดแย้งคำกล่าวของอริสโตเติล ก็จะขัดกับหลักของศาสนาด้วย การขัดแย้งกับศาสนาในสมัยนั้นย่อมเป็นผลร้ายแก่ตัวเอง และจะถูกลงโทษอย่างหนัก
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1543 โคเปอร์นิคัสก็เขียนหนังสือ ขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า De Revolutionibus Orbium Coelestium (เป็นหนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรากฐานของดาราศาสตร์ปัจจุบัน) การเขียนหนังสือเล่มนี้เขาใช้เวลาถึง 30 ปี จากการสังเกตและคำนวณในห้องทดลองนับร้อย ๆ ครั้ง เขากล่าวว่า “ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีโลกและดาวเคราะห์อื่นๆ โคจรรองดวงอาทิตย์” ซึ่งคำกล่าวอันนี้ของเขา ต่อมาได้ถูกยืนยันว่าถูกต้องจากนักดาราศาสตร์รุ่นต่อมา คือ กาลิเลโอ นั่นเอง หนังสือเล่มนี้กว่าจะได้จัดพิมพ์ก็เป็นช่วงปลายของชีวิตเขา
หลังจากเขียนหนังสือเล่มนี้เสร็จได้เพียง 2 – 3 อาทิตย์ เขาก็ล้มป่วยเป็นอัมพาต และถึงแก่กรรมเมื่อปี ค.ศ. 1548
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น